วันพุธที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2555

เสียงบ่นของนักวาดภาพ

บางครั้งผมพยายามถามตนเองว่า สิ่งที่กำลังทำอยู่ทุกวันนี้ มันดีจริงเหรอ มันทำให้ชีวิตผมมีความสุขจริงหรือเปล่า จริงๆแล้วผมอาจมีความสุขเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น เพราะผมไม่สามารถที่จะอธิบาย บางสิ่งบางอย่าง ในภาพวาด หรือ ในจิตใจข้างในของผม ให้กับคนใกล้ตัวหรือคนในครอบครัวเข้าใจได้ เพราะ คนที่ผมรู้จักส่วนใหญ่ โดยพื้นฐานแล้วจะคิดว่าคนที่ทำงานศิลปะ วาดภาพหรือศิลปะแขนงอื่นๆ จะต้องเป็นคนที่มีชีวิตที่ยากลำบาก ใส้แห้งไม่มีเงิน ไม่มีใครมีชีวิตที่ดีได้เพราะการทำงานศิลปะ  นั่นคือความเชื่อพื้นฐานของคนส่วนใหญ่โดยเฉพาะพี่ไทยเรา คนไทยเรามีประวัติศาสตร์อันยาวนานในทุกๆด้าน และเราก็ภูมิใจกับสิ่งเหล่านั้นเหลือเกิน ทั้งที่จริงแล้วสิ่งเหล่านั้นมันได้ตายไปจากความทรงจำและความรู้ของเด็กรุ่นหลังนานมากแล้ว ทั้งที่มีสิ่งดีๆมากมายในความเป็นไทย เพราะเราไม่มีระบบที่ดีพอในการจัดเก็บและรักษาสิ่งดีๆเหล่านั้น

ทุกวันนี้ผมอยากถามว่าจะมีใครรู้จักลายไทยกี่คนครับ ว่าเป็นลายอะไร ถ้าคุณไม่ใช่นักเรียนศิลปะหรือผู้สนใจศิลปะ แล้ววันนี้คุณเห็นหรือเปล่าว่าครูสอนศิลปะให้เด็กทำอะไรกัน เขาสั่งให้เด็กวาด เพียงอย่างเดียวบางคนบอกว่าศิลปะมันน่าเบื่อ มันยาก ไม่ชอบ แล้วตกลงมีอะไรสนุกบ้างครับ มีอะไรที่ไม่ยากบ้างครับในโลกใบนี้ ครูต้องปรับตัวสอน สอดแทรกเนื้อหาความเป็นศิลปะของไทยเรา ถ้าให้ดีก็มีวิชาประวัติศาสตร์ศิลปะไทย สอนกันตั้งแต่ตัวเล็กๆไปเลย ปลูกฝังให้เด็กเหล่านั้นได้มีความรู้และเข้าใจในศิลปะของชาติเราน่าจะเป็นสิ่งที่ดีในความคิดของผม เพื่อรักษารากฐานของชาติเราไว้

บางคนถามผมว่าทำไมศิลปะมีความสำคัญกับชีวิตเรา ผมอยากบอกว่า ตั้งแต่คุณเกิดมาสิ่งที่คุณเห็น ทุกสิ่งทุกอย่างล้วน มีความเป็นศิลปะในตัวอยู่แล้ว มนุษย์เราสัมผัสสิ่งเหล่านั้นได้ด้วยความรู้สึกซึ่งผ่านมาจากข้างใน ถ้าคุณไม่มีแสดงว่าคุณได้ตายไปจากความเป็นมนุษย์แล้ว

บางคนถามผมว่าขายงานศิลปะได้รูปละเท่าไหร่ แล้วแพงไหม แล้วจะอยู่ได้เหรอ เป็นคำถามที่โดนถามบ่อยมากๆ ผมจะตอบอย่างสุภาพว่า ขายได้เรื่อยๆครับ ก็พออยู่ได้ แต่ทุกครั้งในใจผมอยากจะบอกเขาเหลือเกินว่า นี่คือคำถามที่ไม่สร้างสรรค์ครับ ผมทำงานศิลปะบริสุทธ์ครับ ( fine art ) งานของผมเป็นงานที่มุ่งเน้นการสร้างสรรค์ศิลปะ ในเชิงความคิด ไม่ได้ทำเพื่อการค้าเป็นตัวตั้ง ไม่งั้นผมคงวาดภาพอะไรก็ได้ ลอกแบบของใครมาก็ได้ วาดเสร็จก็ขายได้ แล้ว ภาพของผมก็จะไปติดอยู่บนฝาผนังที่ใดที่หนึ่งบนโลกใบนี้แล้วรอเวลาให้ฝุ่นมาเกาะภาพ แค่นั้นก็เสร็จหรือ ไม่ใช่ครับ ผมต้องการใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการสร้างสิ่งใหม่ ภาพใหม่ที่มีอัตลักษณ์ของตนเอง สอดแทรกด้วยเทคนิคในการวาด ให้ภาพสวยงามแปลกตา ส่วนจะขายได้หรือเปล่าว่ากันอีกที เพราะผมเชื่อเสมอว่าสินค้ามีคุณภาพต้องขายได้

ส่วนจะมีเงินมากมายหรือเปล่า ผมไม่ขอตอบครับ เงินเป็นสิ่งที่จำเป็นมากครับแต่ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญมากสำหรับผม เพราะผมไม่ได้วิ่งหาเงินครับ ผมพยายามสร้างเครื่องมือที่เงินจะวิ่งเข้ามาหาผม สิ่งนั้นคือภาพวาดของผมครับ นี่คือสินค้าของผม เป็นสินค้าที่ดูไร้ค่าสำหรับบางคน ขนาดว่าเงินหลักสิบยังไม่ซื้อเลยครับ แถมยังโูดนดูถูกก็บ่อยไป แต่นั่นคือธรรมชาติของมนุษย์ครับ ต้องอดทน และทำใจยอมรับสิ่งเหล่านี้ให้ได้ เหรียญมีสองด้านครับ

ตั้งแต่วันที่ผมตัดสินใจว่าผมจะทำงานศิลปะ แทนที่จะเลือกงานสบายๆ เช่น เป็นพนักงานธนาคาร หรือ ข้าราชการ ผมกลับไม่เลือกเพราะอะไรผมบอกได้ ถ้าผมบอกคุณจะเชื่อไหม คุณเคยได้ยินเสียงเรียกข้างในไหม มันเป็นเสียงที่บอกผมตลอดเวลาว่า ศิลปะคือชีวิตของผม ผมจะต้องทำมันไปจนตาย

หลังจากนั้นชีวิตผมก็เจอบททดสอบมากมาย ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่สุดยอดสำหรับผมทั้งดีและร้าย ซึ่งทำให้ผมเข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆ เจอความล้มเหลวมากมายจนเริ่มจะชินเสียแล้ว แม้จะไม่รู้ว่ามันจะสำเร็จเมื่อไหร่ ผมยังก้าวต่อไป ทุกๆก้าวผมมีแผนงานครับ ไม่ได้ก้าวอย่างเรื่อยเปื่อยครับ แม้จะไม่เป็นไปตามแผนทุกเรื่องแต่ก็ใกล้เคียงครับ

ความฝันของทุกคนเป็นสิ่งสวยงามครับ ไม่ว่าจะเป็นยังไง หากเรายังมีลมหายใจก็ต้องฝันกันต่อไป ความฝันของเราจะเป็นจริงหรือไม่  มันไม่สำคํญเท่ากับว่าคุณได้ทำมันอย่างจริงจังหรือเปล่า สำเร็จหรือไม่สำเร็จเราเท่านั้นครับที่เป็นผู้กำหนด พระเจ้าหรือพระองค์ไหนก็ช่วยคุณไม่ได้ครับ

เวลาทุกๆ นาทีในชีวิตของเรามีความหมายครับ โปรดทำมันทันทีที่คุณคิดฝัน อย่าหยุดฝัน และอย่าให้ใครมาทำลายความฝันของคุณแม้แต่ตัวคุณเอง




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น