วันเสาร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2556

ความกลัวและความอดทน

"บางครั้ง ชีวิตผมก็หยุดอยู่ตรงนี้ อย่างไม่มีเหตุผล อาจจะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ มันได้ทำลายความเชื่อมั่นและศรัทธา ของผมที่เคยมีมาอย่างยาวนาน วันนี้ผมไม่มีความเชื่อและศรัทธาหลงเหลืออยู่ มันอาจจะนานเกินไปจนทำให้ตนเองลืมสิ่งเหล่านั้น เหมือนคนความจำเสื่อม ผมลืมมันไปจริงๆ วันที่ผมจุ่มหัวลงมิดน้ำ วันนั้น ความรักมีเต็มหัวใจของผม ความรักอย่างที่พระเจ้าสั่งสอนมนุษย์ให้เป็น ผมรู้สึกดีเสมอเมื่อนึกถึงสิ่งเหล่านั้น ผมแทบจำไม่ได้ว่า สิ่งที่ผมพยายามรักษาไว้สุดท้ายมันคือ ความหวังจริงๆของชีวิตผม หรือผมกลัวที่จะสูญเสียสิ่งเหล่านั้นไป มนุษย์เราทุกคนมีความกลัวเสมอ จนบางทีเรากลัวจนทำให้สิ่งเหล่านั้น บั่นทอนความสามารถของเรา ผมยอมรับ ผมกลัวที่จะสูญเสีย ผมกลัวที่จะผิดหวัง ลึกๆแล้วผมกลัว คุณกลัวเหมือนผมไหม แม้ผมจะกลัวแค่ไหน แต่ทุกครั้งที่กลัว ก็จะมีเสียงบอกให้วางใจ ให้ปล่อยวาง ให้เชื่อว่า ผมทำได้ทุกครั้ง หากวันนี้ผมเป็นสายลับ แล้วโดนฝ่ายศัตรูจับกุม เขาทรมานผมทุกวิถีทาง ที่จะให้ผมพูดความจริง จะมีใครสักกี่คนที่อดทนได้ จะมีใครอดทนเพื่ออุดมการณ์ที่เราเชื่อ ผมจะอดทนได้นานเพียงใด แล้วคุณจะอดทนได้ไหม หากวันนี้ผมโดนคนที่ผมรัก เมินเฉย เย็นชา ทำเหมือนผมไม่มีตัวตน จะมีใครสักกี่คนที่อดทนได้ คุณจะร้องไห้ไหม คุณจะกลั้นน้ำตาไว้ได้ไหม ผมคงเสียใจ แล้วผมจะอดทนกับความเสียใจได้ไหม ผมจะอดทนกับความไม่สมหวังได้ไหม หลายครั้งที่เราเลิกอดทน จนทำให้เราต้องสูญเสียทุกอย่าง ผมคงต้องอดทนจนกลายเป็นนิสัย เพื่อเป็นเกราะป้องกันตนเอง จากความผิดหวัง หากมองในแง่ดี ความผิดหวัง ทำให้เราพยายามมากขึ้น มากขึ้น และแข็งแกร่งขึ้น เพื่อหลุดพ้นจากความผิดหวัง แม้ความหวังที่หวังยังไม่เป็นความจริง แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่มีโอกาส โอกาสอยู่ที่ตัวเราเอง อย่ามัวบ่น อย่ามัวเสียเวลากับอดีต แค่ห้านาทีที่แล้วก็เป็นอดีตไปแล้ว ผมยังต้องอดทนและอดทน ต่อไป อย่างน้อยผมก็ได้พิสูจน์แล้วว่า ผมสามารถที่จะอดทนได้มากขึ้น แม้มากขึ้นเพียงนาทีเดียวก็ยังดี"

วันศุกร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2556

สัมผัส

ผมไม่สามารถอธิบายความรู้สึกบางอย่างได้ มันเกิดขึ้นแล้วเหมือนดับลงชั่วครู่ แล้วกลับมาลุกโชนขึ้นอีกครั้ง ชีวิตของมนุษย์ไม่สามารถคาดการณ์ได้เลยว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับชีวิต ผมเคยถามตัวเองเสมอว่าตกลงแล้วชีวิตของเราต้องการอะไรกันแน่ บางทีสิ่งดีที่เราเคยได้พบเจอในชีวิต อาจจะอยู่กับเรา หรือจากไปอย่างไม่มีวันกลับมา เวลาที่มีค่าของเราอาจจะสูญเสียไปกับการรอคอยความหวังลมๆแล้งๆ ที่ไม่มีวันเป็นความจริง เราอาจจะพบสัจธรรมในชีวิตจากใครคนหนึ่งหรือภาพๆหนึ่งโดยบังเอิญ ชีวิตที่เหลือของเราจะสำคัญอะไรหากสิ่งที่เรียกว่าจิตวิญาณได้ถูกพรากจากไปด้วยระบบที่โหดร้ายของโลกใบนี้ มีคนบอกว่าโลกนี้โหดร้ายเกินกว่าที่คนอ่ออนแอจะมีชีวิตอยู่ได้ แต่พวกเขาลืมพกพาความรักและศรัธทาที่มีอยู่ในตนเอง พวกเขาให้ความสำคัญกับบางสิ่งที่ไม่จีรังยั่งยืน ละทิ้งความฝัน ละทิ้งคนที่รักเพื่อความก้าวหน้าจอมปลอม มิตรภาพถูกทำลายด้วยความเชื่อใจในกันและกัน สุดท้ายพวกเขาเหลืออะไรบ้าง วัตถุที่คิดว่ามีค่าที่สุดก็ไม่สามารถแสวงหาความรักหรือการหลุดพ้นจากวงจรที่มนุษย์ได้สร้างขึ้น เสียงเพรียกหาจิตวิญาณยังมีอยู่ในทุกผู้คน แต่พวกเขาไม่แม้แต่จะกล้าแสดงออก เพราะพวกเขากลัวเิกินกว่าที่จะมีชีวิตที่ต้องการ ความร่ำรวย ยากจน เป็นแค่ปัจจัยหนึ่ง แต่สิ่งที่พวกเขากลัวสุดขีดคือ กลัวว่าความหวังลมๆแล้งๆ จะเป็นความจริง กลัวว่าสิ่งที่เขาคิดจะเป็นความจริง ไม่มีใครรู้หรอกว่าสุดท้ายแล้ว ความรัก ความหวัง ความฝันในสิ่งต่างๆของมนุษย์ จะทำให้พวกเขาสุขได้อย่างแท้จริงหรือไม่ เปรียบได้กับ ลมที่ล่องลอยอย่างไร้ทิศทาง ความสุขมีจริงหรือเปล่า ตัวตนของเราเท่านั้นที่จะตัดสิน ชีวิตที่แสนสั้นของมนุษย์ไกลเกินไปที่จะจินตนาการได้ถึงในวันสุดท้ายของชีวิต บางครั้งเราแค่ต้องการความรัก ผ่านคำพูด เสียงแผ่วเบากระทบใบหู ว่า รัก แค่นั้น อาจทำให้ชีวิตของใครบางคนดีขึ้นราวกับต้นไม้ได้รับปุ๋ยเคมี เสียงที่ได้ยินอาจก้องอยู่ในหูยาวนาน จดจำในสมอง ลึกดำดิ่งสู่จิตใต้สำนึกโดยไม่รู้ตัว แต่จะมีใครเล่าจะได้สัมผัส สิ่งเหล่านั้น มนุษย์มากมายต้องผิดหวัง ชอกช้ำกับคำลวงของเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน การฆ่าฟัน เกิดจากความไม่เข้าใจ เพียงองศาที่ต่างกันทำให้โลกใบนี้ต้องแปดเปื้อน ความรักอันบริสุทธิ์ยากจะสัมผัสถึง ความใคร่ ความอยากเป็นของคู่กับมนุษย์ การหยุด ห้ามใจเป็นเรื่องยากเมื่อเราได้พบกับสิ่งสวยงาม แต่บางครั้งมนุษย์ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรกับสิ่งเหล่านั้น ด้วยความชาชิน และความเย็นในจิตใจราวกับสีขาวของหิมะที่ตก พวกเขาลืมความรู้สึกนั้นไปหมดสิ้น สัมผัสสุดท้ายแห่งลมหายใจ แห่งความหวังของมนุษย์คือสิ่งใด สุดท้ายแล้วชีวิตของพวกเราจะไปที่ไหน วันนี้ชีวิตที่เหลืออยู่ของเรา ทุกคนต้องการสัมผัสความดีงามของชีวิต แม้เพียงเวลาแสนสั้น มันก็คุ้มแล้วกับการเกิดมาบนโลกใบนี้